กินหวานเท่าไหร่ แก่ไวเท่านั้น

ความหวานในใจฉันเหมือนมันต่ำไป หวานๆของความรักมีมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี แต่ถ้าความหวานจากการบริโภคอาหารนั่นมันคือตัวร้าย กินหวานเท่าไหร่ แก่ไวเท่านั้น แล้วทำไมน้ำตาลหรืออาหารที่ให้ความหวานแก่เราถึงได้ทำให้แก่ไวขึ้น บทความด้านล่างจะนำเสนอผลเสียของการบริโภคอาหารหวานๆมากเกินไป และแนะนำปริมาณการทานน้ำตาลที่เหมาะสม เพื่อให้ผิวของคุณจะเสื่อมโทรมช้าและร่างกายไม่แก่เร็ว น้ำตาลเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ร่างกายเสื่อมสภาพเร็วขึ้น เกิดริ้วรอยก่อนวัย ร่างกายมีอายุที่สั้นลง เนื่องจากน้ำตาลที่บริโภคในปริมาณที่มากเกินความจำเป็นของร่างกาย กระบวนการในร่างกายจะเกิดปฏิกิริยาที่เรียกว่า Glycation ซึ้งจะส่งผลให้อินซูลินในร่างกายเพิ่มมากขึ้น นั่นยิ่งทำให้ภายในร่างกายเกิดการอักเสบ โปรตีนและอิลาสตินในผิวหนังที่เป็นส่วนผลิตคอลลาเจนในร่างกายก็จะค่อยๆถูกทำร้ายจนความยื่นหยุ่นในผิวหนังลดลง พอการยืดหยุ่นลดลงมันก็จะเกิดริ้วรอย เกิดการหย่อนคล้อย จึงทำให้ผิวเสื่อมโทรมเร็วแลดูแก่กว่าวัย นอกไปจากนี้น้ำตาลยังทำให้สารบางอย่างในร่างกายที่ต้องเจริญไปตามอายุและเซลล์หดตัวลงเลยทำให้ร่างกายเกิดการเร่งการทำงานไวกว่าเดิมนั่นจึงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้แก่ไวขึ้นด้วย ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น การบริโภคน้ำตาลในปริมาณที่มากเกินไป ส่งผลให้เป็นสิวได้ง่าย หลายๆคนพอทราบมาแล้วบ้างว่าตัวการที่ทำให้เกิดสิวนั่นมาจากฮอร์โมนและการอักเสบของผิว อย่างที่กล่าวไป น้ำตาลที่มากเกินไปจะส่งผลให้ผิวเกิดการอักเสบ เมื่อผิวอักเสบการเกิดสิวจึงเป็นไปอย่างง่ายดาย เพราะเมื่ออินซูลินในร่างกายเพิ่มขึ้นผิวก็จะอักเสบ ในขณะเดียวกันฮอร์โมนก็เพิ่มขึ้นไปด้วย ทำให้ต่อมผลิตน้ำมันทำงานมากขึ้นนำไปสู่การสะสมของแบคทีเรีย และเกิดสิวในที่สุด และยังทำให้ผิวของคุณสุขภาพแย่ด้วย อาทิเช่น ผิวรอบดวงตาบวมคล้ำ, สิวหายยากใช้ครีมก็ก็ไม่ค่อยเห็นผล, ผิวขาดน้ำ, ผิวบอบบาง และส่งผลเสียต่อเม็ดสีผิวอีกด้วย ผลเสียของการบริโภคน้ำตาลที่เกินความจำเป็นและนำไปสู่การแก่ก่อนวัยยังมีอีก ไม่ได้ทำร้ายแค่ผิวของเราเท่านั้น ยังไปเร่งฮอร์โมนในร่างกายเพิ่มขึ้น ทำปฏิกิริยากับร่างกายให้อ่อนล้า เพลียง่าย ขี้หงุดหงิด รู้สึกเหนื่อยง่าย ทำให้เลือดเป็นกรดและมีไขมันสะสม โดยปกติแล้วน้ำตาลจะแปลงเป็นไกลโคเจนไปสะสมไว้ที่ตับ หากบริโภคมากเกินไปมันจะเคลื่อนไปสะสมในส่วนของร่างกายที่เคลื่อนไหวน้อยที่สุดเช่น หน้าท้อง สะโพก ก้น ต้นขา เป็นต้น […]