สิ่งที่เข้าใจผิดของคนส่วนใหญ่คือมีแค่เกลือหรืออาหารรสชาติเค็มเท่านั้นที่ทำร้ายไต แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เพียงแค่นั้นเพราะมันยังมีปัจจัยอีกหลายอย่างรวมถึงรสชาติอาหารอื่นๆด้วยเช่นกันที่สามารถทำให้คุณเป็นโรคไตได้ และในปัจจุบันคนไทยเป็นโรคไตมากถึง 8 ล้านคน ซึ่งมันเยอะมากหากเทียบกับจำนวนประชากร ซึ่งทั้งหมดมีสาเหตุหลักมากจากอาหารการกินและพฤติกรรมส่วนตัวแต่ที่สำคัญคือไม่ใช่แค่เกลือที่ทำร้าย “ไต”แต่จะมีอะไรบ้างในบทความนี้เรามีคำตอบ
ก่อนอื่นเลยสิ่งที่ควรรู้ก็คือปัจจุบันคนไทยเป็นโรคไตเรื้อรังกว่า 17.6% ของจำนวนประชากร ซึ่งนับว่าสูงมาก ยังไม่รวมถึงผู้ที่เป็นในระยะสุดท้าย 2 แสนคน แม้ปัจจุบันหน่วยงานจะพยายามสร้างความตระหนักรู้อยู่เสมอแต่ก็ยังมีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นจากเดิมราวปีละ 8,000 คน ซึ่งในที่นี้มีเด็กด้วยเช่นกัน นี่จึงแสดงให้เห็นว่าไม่ใช่แค่ผู้ใหญ่หรือคนแก่เท่านั้นที่มีสิทธิ์จะเป็นโรคนี้แต่กับเด็กเองก็มีโอกาสและความเสี่ยงอยู่ไม่น้อย เพราะไตคืออวัยวะที่สำคัญที่ช่วยในการขับของเสียออกจากร่างกายหากไตมีปัญหาก็จะส่งผลต่อระบบอื่นๆตามมาด้วยเช่นกัน ฉะนั้นหากไม่อยากเป็นโรคไตเรื้อรังแล้วก็ละ มารองดูวิธีการหลีกเลี่ยงดังต่อไปนี้กัน
วิธีหลีกเลี่ยงการเป็นโรคไต
ปัจจุบันโรคไตยังไม่มีการรักษาที่ถาวรนักรวมถึงการบำรุงด้วยเช่นกัน การแพทย์ที่ทันสมัยที่สุดในปัจจุบันเพื่อยื้อชีวิตคนไข้ก็คือการฟอกไต ซึ่งค่าใช้จ่ายตรงส่วนนี้เป็นการรักษาระยะยาว การฟอกแต่ละครั้งก็มีค่าใช้จ่ายจำนวนมากแถมยังต้องฟอกทุกสัปดาห์เสียด้วยเพื่อรอการรับการผ่าตัดจาคบริจาค
ปัจจุบันมีผู้ที่รับการผ่านตัดเปลี่ยนไตไปแล้วกว่า 40,000 ราย แต่ในแต่ละปีมีผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายเพียงปีละ 400 คนเท่านั้น และค่าใช้จ่ายก็อยู่ที่ราว 2 แสนบาทต่อคนเป็นอย่างต่ำ จากตรงนี้ก็จะเห็นได้ว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะได้รับการเปลี่ยนถ่ายไต ต่อให้มีเงินมากแค่ไหนก็ไม่สามารถหาซื้อมาใส่ใหม่ได้ในทันที ต้องรอต่อคิวเท่านั้น และต่อไปนี้คือวิธีการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะทำให้ไตเสื่อมเร็ว ได้แก่
1.อาหารรสจัด
อย่างที่กล่าวไปในข้างต้นว่าไม่ได้มีแค่เกลือเท่านั้นที่ทำให้ไตเสื่อม แต่อาหารรสจัดก็คือหนึ่งในตัวการสำคัญที่ร้าย ไม่ว่าจะเป็น หวานจัด มันจัด เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด เป็นต้น เพราะไตมีหน้าที่ขับของเสียที่เป็นพิษต่อร่างกาย น้ำจึงเป็นส่วนสำคัญในการช่วยลำเลี่ยงสารเหล่านั้น ฉะนั้นเมื่อเรากินของที่มีรสจัดเข้าไปเป็นจำนวนมากทำให้ไตทำงานหนักขึ้น น้ำที่จะมาช่วยลำเลียงนั้นไม่เพียงพอก็ทำให้เกิดปัญหาไตเสื่อมสะสมได้
ไม่เพียงแต่ไตเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ แต่การทานรสจัดเกินไปก็ส่งผลกับสุขภพในส่วนอื่นๆด้วยเช่นกัน เช่น
- กินหวานจัด เสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน
- กินมันจัด เสี่ยงเป็นโรคความดันไขมันอุดตัน
- กินเปรี้ยวจัด เสี่ยงเป็นโรคกระเพาะ ผนังกระเพราะอักเสก เป็นต้น
สิ่งทั้งหมดนี้สามารถแก้ได้ด้วยการหมั่นดื่มน้ำสะอาดให้เหมาะสมเพื่อให้ไตสามารถนำน้ำสะอาดไปชำระล่างสารพิษออกจากร่างกายได้ดียิ่งขึ้น
2.ไม่ออกกำลังกาย
การไม่ออกกำลังกายดูเหมือนจะไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงไปยังไต แต่การมีร่างกายที่อ่อนแอก็เป็นที่มาของโรคต่างๆ ซึ่งสุดท้ายแล้วมันก็จะเวียนกลับมาที่ไตอยู่ดี เช่น
- ยา การทานยารักษาโรคเป็นจำนวนมากส่งผลต่อไตโดยตรง เพราะไตต้องทำหน้าที่กรองของเหลือหลังจากที่ยาทำหน้าที่ของมันแล้ว
- โรคภัยอื่นๆ ไม่จะเป็นโรคอะไรก็ตามแต่ ไตก็มีส่วนสำคัญในการปรับสมดุลในร่างกายไม่ว่าจะเป็น ความดัน ฟอกเลือด และอื่นๆ ซึ่งเมื่อคุณสุขภาพไม่แข็งแรงก็จะพลอยให้ไตต้องทำงานหนักไปด้วย
ฉะนั้นแล้วหันมาออกกำลังกายเพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และเลือกทานอาหารที่มีประโรคเพื่อบำรุงไตของเรา เราจะได้ไม่ต้องมานั่งทรมานกับโรคไตเสื่อมในอนาคต
3.พักผ่อนให้เพียงพอ
การพักผ่อนไม่เพียงพอส่งผลให้อวัยวะส่วนอื่นๆต้องทำงนหนักอยู่ตลอดเวลา เพราะในเวลาที่ควรจะได้พักเพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟูตัวเองมันกลับต้องทำงานข้ามเวลา กลายเป็นว่าร่างกายเมื่อยิ่งใช้งานหนักก็ยิ่งสึกหลอแล้วทุกสิ่งก็จะวนกลับมาที่ไตอยู่ดี การพักผ่อนไม่เพียงพอจึงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ไตเสื่อม
4.ความเครียด
ความเครียดแม้ว่าจะเป็นเรื่องของอารมณ์ แต่อารมณ์เหล่านั้นไม่ว่าจะดีหรือแย่ย่อมส่งผลต่อสารสื่อประสาทในสมอง ฉะนั้นแล้วมันย่อมส่งผลไปยังอวัยวะอื่นๆ โดยเฉพาะกับไต เพราะในยามที่เราอารมณ์ไม่ดีร่างกายจะรู้สึกห่อเหี่ยว นั่นเป็นเพราะร่างกายได้รับปริมาณออกซิเจนน้อยลง เมื่อปริมาณออกซิเจนน้อยลงการลำเลียงออกซิเจนไปยังสมองและกลับลงมาที่ไตก็ยากมากขึ้น ฉะนั้นทั้งหมดทั้งหมดนี้ส่งผลกระทบสัมพันธ์กันเป็นทอดๆ
สรุป
จากทั้งหมดที่กล่าวมานี้ท่านอย่าลืมสำรวจพฤติกรรมของตัวเองดูล่ะว่ากำลังทำร้ายไตอยู่หรือเปล่า เพราะไม่ใช่แค่เกลือที่ทำร้าย “ไต”แต่เป็นคุณเองหรือเปล่าที่กำลังทำร้ายไตอยู่ เพราะไตคืออวัยวะที่สำคัญต่อร่างกายพอๆกับสมองและหัวใจ หากขาดไตไปคุณก็ตายได้เช่นกัน