คุณเคยสงสัยไหมว่าไอ้แถบสีขาวๆที่มีขีดเล็กๆข้างสินค้าที่คุณหยิบมาจากซุปเปอร์มาเก็ตนั้นมีไว้ทำอะไร และมีจุดกำเนิดอย่างไร วันนี้เราจะทำประวัติการสร้างบาร์โค้ด โดย บาร์โค้ด ขีดเล็กๆ เปลี่ยนโลก ที่มันทำให้วงการการค้าปลีกและส่งกลายเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
กำเนิดบาร์โค้ด
บาร์โค้ดเป็นเทคโนโลยีที่ก่อตั้งขึ้นโดยนักคิดนักประดิษฐ์ชื่อ Norman Joseph Woodland และ Bernard Silver สองศิษย์เก่าจาก Drexel Institute of Technology ในฟิลาเดลเฟีย สหรัฐอเมริกา ความคิดเกิดจาก Wallace Flint จาก Harvard Business School ในปี ค.ศ.1932 ที่นำเสนอการเลือกสินค้าที่ต้องการจากรายการ โดยใช้บัตรเจาะรูเพื่อแบ่งหมวดหมู่สินค้าเดียวกัน แต่แนวคิดนี้ในช่วงเวลานั้นยังไม่เป็นที่ยอมรับ มันจึงถูกทิ้งร้างเอาไว้ไม่ได้มีการสานต่อ
ต่อมา Bernard Silver ซึ่งยังเป็นนักศึกษาอยู่ในช่วงนั้นได้ไปยินประธานบริษัทค้ากล่าวเกี่ยวกับการจัดการสินค้าอุปโภคบริโภคเจ้าหนึ่งในเมือง ฟิลาเดลเฟีย เขาจึงตั้งใจที่จะนำเสนอความคิดให้มหาวิทยาลัยทำการทดลองเกี่ยวกับระบบจัดเก็บและอ่านข้อมูลสินค้า เพื่ออำนวยความสะดวกในธุรกิจค้าปลีกในการทำสต็อก แม้ Bernard จะไม่ได้ตั้งใจฟังในรายละเอียดชัดมากนักในครั้งแรก แต่เขาคิดอย่างเต็มใจและได้นำไอเดียกลับมาครุ่นคิด
ในปี ค.ศ.1952 ทั้งสองคนก็ให้กำเนิดบาร์โค้ดขึ้นมา หลังจากที่พยายามทดลองมาอย่างยาวนาน และได้รับสิทธิบัตรในวันที่ 7 ตุลาคมของปีนั้น บาร์โค้ดชนิดแรกที่สองคนผลิตขึ้นมานั้น มีลักษณะคล้ายแผ่นปาเป้าที่เราคุ้นเคยในปัจจุบัน แต่มีลักษณะคล้ายวงกลมสีขาวซ้อนกันหลายวงบนพื้นหลังสีเข้ม แต่ความคิดครั้งนั้นยังไม่ถูกใจทั้งสองคนมากนัก แต่กระนั้น ร้านค้าปลีกในเครือ Kroger ที่เมืองซินซินนาติ มลรัฐโอไฮโอ ก็ได้ยินเรื่องราวของการจัดการสินค้าด้วยระบบบาร์โค้ดแบบแผ่นปาเป้า จึงมีความสนใจและเสนอให้นำมาใช้เป็นครั้งแรกในโลกในปี ค.ศ.1967 หลังจากนั้นบาร์โค้ดก็ได้รับการพัฒนาต่อไป และเครื่องแสกนบาร์โค้ดก็ถูกสร้างขึ้น โดยที่มีการใช้งานเป็นครั้งแรกในโลกคือที่ Marsh’s ซูเปอร์มาร์เก็ตในเดือนมิถุนายน ปี ค.ศ.1974 และในวันที่ 26 เดือนนั้น หมากฝรั่ง Wrigley’s Juicy Fruit ก็กลายเป็นสินค้าชิ้นแรกในโลกที่ถูกสแกนบาร์โค้ด โดยถูกหยิบขึ้นจากรถเข็นของลูกค้าคนแรกของร้านในวันนั้น
บาร์โค้ดเป็นเทคโนโลยีที่ได้เปลี่ยนแปลงวงการค้าปลีก ทำให้กระบวนการทำสต็อกและติดตามสินค้าทำได้รวดเร็วและมีความแม่นยำ ในปัจจุบัน บาร์โค้ดเป็นส่วนหนึ่งของการควบคุมคุณภาพและจัดการสินค้าในหลายๆ ธุรกิจ นอกจากนี้ยังนำไปใช้ในการติดตามการส่งสินค้าและการตรวจสอบราคาในร้านค้าด้วย ทำให้เป็นเครื่องมือที่สำคัญในวงการธุรกิจและค้าปลีกทั่วโลก
นอกจากบาร์โค้ดแล้วมีอะไรที่นิยมใช้กันอีกบ้าง ในปัจจุบัน
นอกจากบาร์โค้ดแล้ว ยังมีเทคโนโลยีและวิธีการอื่นๆ ที่ใช้แทนกันได้ในการระบุและติดตามสินค้าบางส่วนได้รับความนิยมและใช้กันอย่างกว้างขวาง ดังนี้
- QR โค้ด (QR Code) เป็นรหัสแบบสองมิติที่ใช้ในการเก็บข้อมูล สามารถเก็บข้อมูลมากกว่าบาร์โค้ดและสามารถสแกนได้ด้วยอุปกรณ์มือถือที่มีกล้องสแกน QR Code ได้ง่ายและรวดเร็ว ส่วนใหญ่ใช้ในการเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันต่างๆ เพื่อให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลเพิ่มเติม
- RFID (Radio-Frequency Identification) เป็นเทคโนโลยีที่ใช้แทนการใช้บาร์โค้ดหรือQR โค้ดในการติดตามและระบุสินค้า โดยใช้แท็ก (tag) ที่มีชิปในการอ่านข้อมูลด้วยคลื่นความถี่. RFID ช่วยให้สามารถอ่านข้อมูลได้รวดเร็วและอย่างแม่นยำ
- NFC (Near Field Communication) เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการสื่อสารระหว่างอุปกรณ์แบบสัมผัส (contactless) ซึ่งทำงานอยู่ในระยะใกล้. NFC สามารถใช้ในการเชื่อมต่ออุปกรณ์และเข้าถึงข้อมูลเช่นเดียวกับ QR โค้ดและบาร์โค้ด
- Data Matrix Code เป็นรหัสแบบสองมิติที่คล้ายกับ QR โค้ด แต่มีขนาดเล็กกว่าและสามารถเก็บข้อมูลได้มากกว่า ใช้ในการติดตามสินค้าในอุตสาหกรรมหรือโครงการที่ต้องการจัดเก็บข้อมูลหลายๆ รายการ.
- การใช้เลขที่ประจำตัวสินค้า (SKU) เลขที่ประจำตัวสินค้าเป็นรหัสตัวเลขที่ใช้ในการระบุและติดตามสินค้าภายในร้านค้าหรือคลังสินค้า เป็นวิธีที่ง่ายและเป็นที่นิยมในธุรกิจค้าปลีก
โดยทั้งหมดนี้เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการระบุและติดตามสินค้า แต่อาจมีความเหมาะสมในสถานการณ์และวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน การเลือกใช้เทคโนโลยีนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการและการใช้งานในแต่ละธุรกิจและสถานการณ์ครับ
อย่างไรก็ตาม ในสภาพแวดล้อมที่เปิดกว้างของเทคโนโลยีในปัจจุบัน มีการใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีที่อยู่ในท้องตลาดให้เราใช้งานได้ง่ายๆ ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีในการใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ นอกจากบาร์โค้ดและ QR โค้ดแล้ว ยังมีบริการสร้าง RFID tags, QR code, หรือ Data Matrix code อื่นๆ ที่สามารถใช้งานได้ง่ายๆ ผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันที่มีให้บริการฟรีหรือเสียเงินในตลาดออนไลน์
สรุป
บาร์โค้ด สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าในบางครั้งสิ่งที่ดูเล็กน้อยและถูกซ่อนอยู่ในตำแหน่งที่คนทั่วแทบจะไม่ให้ความสนใจ มันกลับกลายเป็นสิ่งที่สำคัญต่อโลก และครั้งนึงมันเคยเป็นสิ่งที่ใหม่มากๆจนสามารถพลิกโฉมว่าการการค้าปลีกส่งของโลกไปได้ เพราะฉะนั้นแล้วหากคุณมีแนวคิดหรือความฝันอะไรก็ตามที่อยากจะทำแต่เมื่อพิจารณามันอาจจะดูเล็กและไม่สำคัญ จึงอยากให้คุณรู้เอาไว้ว่านั่นไม่ใช่ความจริง เพราะทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นล้วนสำคัญทั้งสิ้น เช่นเดียวกันกับ บาร์โค้ด ขีดเล็กๆ เปลี่ยนโลก