แม้ว่าในขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์หรือสิ่งใดๆที่สามรถรองรับได้ว่ามนุษย์ต่างดาวนั้นมีอยู่จริง ทว่า ทฤษฎีการมีชีวิตของมนุษย์ต่างดาวเป็นหนึ่งในหัวข้อที่ได้รับความสนใจอย่างมากในวงการวิทยาศาสตร์และอวกาศวิทยา ในบทความนี้เราจะมาสำรวจ ทฤษฎีการมีชีวิตอยู่ของมนุษย์ต่างดาว ประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้ และเทคโนโลยีที่ใช้ในการค้นหาชีวิตนอกโลก
ในช่วงนี้ทั่วโลกต่างพากับให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องของมนุษย์ต่างดาวหลังจากที่ล่าสุดนาซ่าได้ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ แต่ทว่านั่นก็ดูเหมือนจะยังเป็นการเปิดเผยข้อมูลที่ไม่เพียงพอ จึงทำให้หลายคนเริ่มตระหนักแล้วว่าหรือที่ที่เรายืนอยู่นี้อาจจะมีมนุษย์ต่างดาวแอบแฝงเข้ามาปะปนกับเราอยู่แล้ว เราจึงได้รวบรวมแนวความคิดที่ต่างเชื่อกันว่ามีจริงเกี่ยวกับจริงมีชีวิตแปลกปลอมนี้
ประวัติศาสตร์ของทฤษฎีการมีชีวิตของมนุษย์ต่างดาว
แนวคิดเกี่ยวกับการมีชีวิตนอกโลกเริ่มแรกจากกลุ่มคนในฝรั่งเศสในคริสตศตวรรษที่ 17 และ 18 ที่ได้รับการเสนอแนะโดยนักปรัชญาและนักสังคมวิทยา เช่น Pierre-Simon Laplace และ Emanuel Swedenborg ทว่าในช่วงแรกกลับถูกมองว่าไร้สาระ ก่อนจะกลับมาได้รับความสนใจมากขึ้นอีกครั้งในคริสต์ศตวรรษที่ 20 จากความก้าวกระโดดของเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์และอวกาศวิทยา
แนวทางการค้นหาสิ่งมีชีวิตนอกโลก
- ส่งสัญญาณคลื่นความถี่ มีความพยายามส่งคลื่นสัญญาณทกความถี่ออกไปในอวกาศ เพื่อหวังว่าจะถูกส่งไปยังที่ใดที่หนึ่งแล้วได้รับการตอบกลับ ล่าสุด นักวิทยาศาสตร์สามารถตรวจจับคลื่นในอวกาศได้ ซึ่งเป็นคลื่นที่มีความเบาบางมากและยังสามารถแปลได้
- การส่งยานอวกาศ เป็นแนวคิดแรกๆที่ง่ายที่สุด โดยเชื่อกันว่าหากมีสิ่งมีชีวิตต่างดาวอยู่จริง การส่งยาวอวกาศออกไปสำรวจอย่างต่อเนื่องคงต้องได้พบเจอกันเข้าสักวัน ทว่า แม้จะผ่านมาแล้วหลายทศวรรษแต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะพบเจอ
- การค้นหาแนวรังสี นอกจากคลื่นแล้ว สิ่งหนึ่งที่สามรถล่องลอยไปในอากาศได้ก็คือรังสี นักวิทยาศาสตร์จึงได้มีความพยายามที่จะเฝ้าตรวจหารังสีที่ผิดปกติอยู่ตลอดเวลา
ความเชื่อการมีอยู่ของมนุษย์ต่างดาว
1.เฝ้าดูมนุษย์
มีความเชื่อว่าแท้จริงแล้วมนุษย์ต่างดาวนั้นปะปนอยู่กับมนุษย์ และกำลังจับตาดูวิวัฒนาการของพวกเราอยู่ และสาเหตุที่เรายังค้นหาพวกเขาไม่พบนั่นก็เพราะว่าเทคโนโลยีของพวกเขาเหนือกว่าเราเยอะมากจนสามารถหลบซ่อนได้อย่างง่ายดาย
2.มันกำลังศึกษาเกี่ยวกับมนุษย์และโลก
ไม่ใช่แค่การเฝ้าดูแต่เหนือกว่านั้นคือการศึกษาและทดลอง หลายครั้งที่มีคนออกมาเปิดเผยว่าตนเองได้เคยถูกมนุษย์ต่างดาวจับตัวไป และเรื่องนี้ก็กลายเป็นคดีที่มากกว่าพันคดี และข่าวที่น่าสนใจคือหนึ่งในอดีตประธานาธิบดีของสหรัฐ Dwight D. Eisenhower ซึ่งเขาเล่าว่าตนเองถูกลักพาตัวไปขณะกำลังพักผ่อน แต่ประเด็นสำคัญคือทุกคนที่กลับออกมาจะไม่สามารถจดจำอะไรได้เลย
3.มาหาทรัพยากร
มีแนวคิดว่าพวกเขาต้องการทรัพยากรบางอย่างที่อยู่บนโลก เช่น แร่ธาตุ แก๊ส หรือมนุษย์ ซึ่งก็มีผู้พบเห็นว่ามีวัตถุต้องสงสัยลอยอยู่เหนือจุดเดิมซ้ำๆ ต่างเชื่อว่าพวกเขากำลังเก็บรวบรวมบางอย่างไปทดลองอยู่ก็เป็นได้
4.เตรียมบุกโลก
หากมองในแง่ร้าย การมาของเพื่อนนอกโลกคงไม่ใช่เรื่องดีนัก โดยเฉพาะการมาแบบลับๆล่อๆ ซึ่งทำให้มีความเชื่อเป็นวงกว้างว่าพวกมันกำลังเตรียมจะบุกยึดโลก เพื่อเป็นแหล่งที่อยู่ใหม่ และการแฝงตัวเข้ามาก็เป็นการมาเพื่อศึกษาความสามารถของมนุษย์เสียก่อน
5.มนุษย์ต่างดาวคือผู้สร้าง
มนุษย์ต่างดาวมีความเชื่อเรื่องพระเจ้าว่าคือผู้สร้าง แต่เคยสงสัยกันหรือไม่ว่าใครคือผู้สร้างพระเจ้า ทั้งที่จริงแล้วมนุษย์ถือกำเนิดมาได้ราวห้าแสนปีเท่านั้น หากเทียบกับอายุของโลกแล้วมนุษย์ก็แค่วิวัฒนาการในช่วงสั้นๆเท่านั้นเอง จากข้อนี้นักวิทยาศาสตร์หลายคนต่างเชื่อว่ามนุษย์ต่างดาวอาจมีส่วนในการสร้างพวกเราขึ้นมาแล้วเฝ้าดูเราอยู่ โดยมีจุดประสงค์อะไรบางอย่างที่ปลายทางของวิวัฒนาการ
6.อาจเป็นการข้ามเวลาของมนุษย์เอง
หลายทฤษฏีต่างเชื่อว่าความจริงแล้วการมาของมนุษย์ต่างดาวไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่มาจากนอกโลก แต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในโลกแต่มาจากอนาคต เพราะปัจจุบันมนุษย์สามารถเดินทางเร็วกว่าเวลาได้แล้วแม้จะแค่เสี่ยววินาทีแต่ก็ถือว่าเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ และที่สำคัญที่ทำให้เรื่องนี้มีความชัดเจนมากยิ่งคือก็คือข่าวการหายของรถไฟขบวนหนึ่ง แล้วหลังจากนั้นจึงมาโผล่อีกครั้งในราวยี่สิบปีไห้หลัง หรือการหายไปของเครื่องบินและเรื่อในสามเหลี่ยมเมอวิด้า
สรุป
ครั้งหนึ่ง สตีเฟ่น ฮอร์กิน นักวิทยาศาสตร์ที่ทั่วโลกรู้จักเป็นอย่างดีเคยกล่าวเอาไว้ว่า หากมนุษย์ต่างดาวมีจริง มันคงไม่ใช่การมาเยือนที่ดีนัก และเราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพวกเขาเลย แต่เรารู้จักมนุษย์ด้วยกันเองดี ก็เหมือนกับที่มนุษย์ต่างถิ่นที่ฉลาดกว่าและล้ำหน้ากว่ารุกรานมนุษย์ถิ่นเดิม และสุดท้ายก็จบลงด้วยโศกนาฏกรรม
และทั้งหมดนี้คือ ทฤษฎีการมีชีวิตอยู่ของมนุษย์ต่างดาว ที่บางคนก็เชื่ออย่างสุดใจแต่บางคนก็มองว่าไร้สาระ แม้ว่าหลายคนจะมีความเชื่อหรือความฝันเรื่องมนุษย์ต่างดาวมายงานบนโลกในงานวรรณคดี ภาพยนตร์ หรือสื่อมวลชน แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจนพอจะออกมารองรับหรืออธิบายเหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้