การเดิน คือสิ่งที่มนุษย์ทำมากที่สุด แต่คุณรู้หรือไม่ว่าจริงๆแล้วท่วงท่าการเดินที่เคลื่อนไหวอยู่ในทุกๆวันมันอาจผิด และส่งผลกระทบที่ไม่ดีต่อร่างกายได้เช่นกัน 6 วิธีเดินเพื่อสุขภาพอย่างถูกต้อง แนะนำให้คุณได้รู้ถึงการเดินที่ผิดส่งผลอะไรต่อคุณและการเดินเพื่อสุขภาพที่ดีมันเป็นอย่างไร
การเดินเป็นการเคลื่อนไหวที่ใช้การเยอะที่สุดของมนุษย์ เดินเล่นธรรมดาหรือเดินออกกำลังกาย การเดินถึงแม้ว่าจะไม่ใช้การออกกำลังกายที่เหนื่อยมากแต่มันมีประโยชน์ต่อปอด หัวใจ ขาและรวมไปถึงแกนกลางลำตัว เป็นการคาร์ดิโออย่างเบาที่ทำได้ง่ายๆ แต่การเดินที่ผิดวิธีส่งผลเสียต่อทรวงทรง ข้อเท้า เข่า หลัง และยังรวมไปถึงบุคลิกภาพที่ไม่ดีด้วย ประโยชน์ของการเดินช่วยให้สุขภาพของหัวใจและปอดแข็งแรง กระดูกแข็งแรง ลดความเครียดและยังช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้น แต่ประโยชน์ที่คาดไม่ถึงของการเดินอีกอย่างหนึ่งคือ ทำให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น ดังนั้นการเดินสัก 10 – 15 นาทีหลังอาหารจะช่วยทำให้คุณรู้สึกสดชื่นมากกว่าเฉื่อยไปทั้งวัน และเป็นที่แน่ชัดว่าการเดินก็เป็นอีกหนึ่งการออกำลังกายที่ช่วยลดไขมันและรักษาน้ำหนักให้คงที่ได้อีกด้วย การเดิน 3,500 – 10,000 ก้าวต่อวันเป็นอย่างน้อยเป็นสิ่งที่ดีและอย่าลืมที่จะยืดเหยียดก่อนและหลังเดิน อย่างที่กล่าวไปตอนแรกว่าการเดินเป็นการออกำลังกายที่ดีแต่หากเดินด้วยท่าทางที่ผิดก็ส่งผลกระทบต่อร่างกายที่แย่เช่นกัน การเดินที่ถูกต้องมีดังนี้
1. อย่าก้มมองแต่พื้น
การเดินไม่ว่าจะเดินทั่วไปหรือเดินเพื่อสุขภาพ ทวงท่าเดินที่ผิดคือการเอาแต่ก้มมองพื้นหรือเล่นมือถือขณะเดินไปด้วย เพราะการเดินในท่าทางดังกล่าวจะทำให้คอและหลังของคุณบาดเจ็บ เพราะเป็นการเดินที่ผิดธรรมชาติ ดังนั้นขณะคุณเดินควรยืดหลังและมองตรงไปข้างหน้า ตรวจสอบท่าทางของคุณโดยสังเกตที่หูว่าซ้อนอยู่เหนือไหล่และสะโพกหรือไม่ เข่าและข้อเท้าควรเคลื่อนไหวไปตามข้อต่อหลัก
2. อย่าทิ้งน้ำหนักเท้าแรงเกินหรือส่วนใดส่วนเดียว
แม้ว่าการเดินโดยทั่วไปจะถือว่าเป็นการเดินออกกำลังกายที่ส่งผลกระทบต่ำ แต่ถ้าหากคุณลงน้ำหนักแรงในทุกย่างก้าว ก็เกิดความเสียหายต่อร่างกายได้ ทุกครั้งที่ส้นเท้าของคุณตกสู่พื้นด้วยแรงกระแทกที่เกินไป ร่างกายจะเกิดความเครียดต่อเนื้อเยื้อที่เกี่ยวพันกับข้อต่อของคุณ การเดินที่ถูกต้องต้องลงน้ำหนักเท้าด้วยความเบาจากส้นเท้าจรดสู่ปลายเท้า และการทำงานเพื่อดูดซับแรงกระแทกจากการเดินเท้าแต่ละครั้งโดยใช้กล้ามเนื้อทั้งตัวเพื่อกระจายแรงกระแทกในแต่ละการก้าวเดิน
3. ลดความเร็วก้าวให้สม่ำเสมอ
การเดินด้วยความเร็วและเร่งมากเกินไปจะทำให้เกิดการกระแทกของเท้าและข้อต่อ ยิ่งคุณเร่งมากเท่าไหร่การเดินจะควบคุมให้เป็นตามธรรมชาติลำบากขึ้น กลายเป็นเดินผิดท่วงท่าได้และทำให้ข้อเท้า เข่าและตามข้อต่อสะโพกได้รับแรงกระแทกเกิดความเสียหายได้ นอกไปจากนี้ยังทำให้มุมเท้าและข้อเท้าของคุณเปลี่ยนไปอาจส่งผลต่อเอ็นข้อเท้าได้ คุณควรเดินทุกย่างก้าวด้วยความสม่ำเสมอ เท่ากันไม่ว่าจะเดินเล่นหรือเพื่อสุขภาพก็ตาม เดินอย่างธรรมชาติลดอาการบาดเจ็บที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
4. ตำแหน่งของนิ้วเท้าและส้นเท้าสำคัญทุกการก้าวเดิน
เมื่อคุณเดินต้องให้นิ้วเท้าชี้ไปข้างหน้า โดยส้นเท้าแต่ละข้างอยู่ในแนวเดียวกันใต้สะโพกของคุณ การเดินด้วยรูปเท้านี้ลดความเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บต่างๆที่อาจเกิดขึ้นกับคุณ แต่น่าเสียดายสำหรับกลุ่มคนที่มีน้ำหนักเกินและมีโรคอ้วน รูปร่างที่เปลี่ยนไปทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกลไกเล็กๆน้อยๆต่อการเดินเพื่อสร้างฐานรองรับน้ำหนัก ดังนั้นการเดินของกลุ่มคนน้ำหนักเกินเท้าจะแบะออกกว้างขึ้น ทำให้ข้อต่อได้รับบาดเจ็บ เข่าและสะโพกทำงานหนักขึ้น วิธีการแก้ไขคือเดินให้ช้าลงและมีสติมากขึ้นเพื่อที่จะได้ใส่ใจต่อการวางตำแหน่งเท้าที่ถูกต้องได้
5. อย่าลืมหลังส่วนกลาง
ท่าทางการเดินที่ดีคือการไม่ลืมหลังส่วนกลาง เพราะหลังกลางสำคัญต่อการควบคุมข้อต่อต่างๆในร่างกายรวมไปถึงสะโพกและหลังส่วนล่างที่อาจได้รับบาดเจ็บได้ง่าย เพราะฉะนั้นพยายามให้หลังของคุณตรงอยู่เสมอ หลังหูซ้อนอยู่เหนือไหล่และสะโพก วิธีที่จะยืดหลังของคุณได้เสมอคือการแขม่วท้องไว้
6. อย่าลืมแขน
อาจสงสัยว่าการเดินเกี่ยวอะไรกับแขน การไม่แกว่งแขนในการเดินจะลดการเผาผลาญของคุณให้น้อยลง ฉะนั้นแล้วการเดินด้วยท่าทางที่ถูกต้องบวกกับการแกว่งแขนไปด้วยจะเพิ่มการเผาผลาญให้คุณและการเดินเพื่อสุขภาพของคุณจะเห็นผลได้มากกว่า แต่ไม่จำเป็นต้องแกว่งแขนแรงเกินไป เพียงแค่ปล่อยให้แขนแกว่งไปอย่างเป็นธรรมชาติก็เพียงพอแล้ว
สรุป 6 วิธีเดินเพื่อสุขภาพอย่างถูกต้อง ช่วยให้การเดินออกกำลังกายของคุณเป็นไปอย่างถูกต้องและส่งผลดีต่อร่างกายนอกไปจากนี้ยังเพิ่มให้บุคลิกของคุณดูดีขึ้นอีกด้วย อย่าลืมมีสติ เดินด้วยความสม่ำเสมอทุกย่างก้าว thaiguru
แหล่งที่มาข้อมูล: https://www.thehealthy.com
Credit ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ