สุขใดไหนเล่าจะเท่าศุกร์เสาร์อาทิตย์ แน่นอนว่าใครหลายคนไม่ว่าจะอยู่ในช่วงใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็น วัยเรียน วัยรุ่น หรือวัยทำงาน ทุกคนต่างก็อยากให้วันนี้เป็นวันศุกร์ด้วยกันทั้งนั้น เพราะเราต่างรู้ดีว่าคืนนี้เราจะสามารถนอนได้อย่างเต็มอิ่มโดยที่ไม่ต้องสนใจเลยว่าพรุ่งนี้จะแหกตาตื่นขึ้นมากี่โมง เพราะปัญหาเรื่องการนอนนั้นถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ บางท่านอาจจะเข้าใจผิดคิดว่าที่นอนไม่หลับเกิดจากสาเหตุเดียวคือการคิดมาก หรือภาวะเครียด ซึ่งนั่นก็เป็นเพียงสาเหตุหนึ่งเท่านั้น เพราะปัจจัยหลักของการนอนไม่หลับของคนส่วนใหญ่ล้วนมาจากที่นอน โดยมีหมอนเป็นองค์ประกอบหลัก วันนี้เราจึงจะมาแนะนำหมอนแต่ละชนิดให้ทุกท่านได้นำไปพิจารณา และ จงเลือกหมอนที่เหมาะกับการนอนของคุณ
ปัญหาสุขภาพของคนส่วนใหญ่นั้นร้อยละ 90 % มักเกิดจากปัญหาการนอนไม่หลับ อาจจะด้วยเพราะเครียดจากเรื่องการงาน การเงิน ความรัก หรืออะไรก็ตามแต่ ซึ่งทั้งหมดนั้นล้วนส่งผลต่อการนอนทั้งสิ้น ทว่า สิ่งหนึ่งที่ผู้คนต่างมองข้ามไปก็คือที่นอน ที่นอนประกอบไปด้วย เตียง ผ้าห่ม หมอน เป็นต้น ทั้งหมดนี้คือเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้การนอนของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ได้หมายความว่า เตียงที่นุ่น หมอนที่นิ่ม จะเป็นคำตอบของการนอนที่ดีที่สุด เพราะไม่ใช่ว่าเตียงราคาแพงและนิ่มที่สุดจะเหมาะกับทุกคน บางคนสามารถหลับได้ดีในเตียงที่แข็งอย่างพื้นเปล่า บางคนสามารถนอนหลับได้ดีในเตียงที่นุ่นเหมือนก้อนเมฆ ซึ่งทั้งหมดนั้นก็ต้องมาหาคำตอบกันว่าท่านเหมาะกับเครื่องนอนประเภทไหน
หมอน คือพระเอกของการนอน
นอกจากเตียงนอนที่สำคัญที่สุดแล้ว หมอนก็นับว่าเป็นพระเอกของการนอนหลับที่ดี หลายครั้งท่านอาจจะนอนแล้วรู้สึกเมื่อยคอจนต้องเตะหมอนทิ้งแล้วนอนพิงพื้นเปล่าเพื่อให้รู้สึกสบาย นั่นก็เป็นเพราะว่าหมอนที่ท่านเลือกใช้อาจจะไม่เหมาะกับสรีระทำให้เกิดการกดทับ หรือปิดรูปแบบการนอนของตัวเอง ฉะนั้น เรามีจึงมีหมอน 7 ชนิด ที่เหมาะกับการนอนแต่ละประเภทมาฝากกัน ดังต่อไปนี้
1.หมอนใยสังเคราะห์
เป็นหมอนที่หาซื้อได้ง่ายมีขายทั่วไป ข้อดี คือ ราคาถูกมีให้เลือกหลายขนาด โดยส่วนใหญ่แล้วผู้ผลิตจะออกแบบมาเพื่อให้เหมาะแก่การซัก สามารถใช้งานได้นานสูงสุดถึง 2 ปี แต่เพื่อถนอมใยสังเคราะห์จึงควรซักมือหรือชุบน้ำแล้วตากก็พอ เหมาะชนิดนี้จึงเหมาะกับผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ ข้อเสีย คือ ตัวใยอาจมีการยุบตัวทำให้หมอนดูต่ำลง ทางที่ดีควรเปลี่ยนหมอนใหม่เป็นประจำ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
2.หมอนกาว หรือ ยางธรรมชาติ
ปัจจุบันเราจะได้เห็นหมอนยางพาราที่กำลังเป็นที่นิยม ซึ่งข้อดี คือ ผู้ผลิตมักจะออกแบบมาในรูปทรงต่างๆที่เหมาะกับสรีระของผู้ซื้อ จึงทำให้ผู้ซื้อมีตัวเลือกที่หลากหลายขึ้น และฟองน้ำขนาดเล็กมากมายที่อยู่ภายในจะทำหน้าที่กระจายน้ำหนักได้ดี แต่ ข้อเสีย คือเป็นหมอนที่ยากต่อการซัก และยากที่จะแห้ง ด้วยรูขนาดเล็กมากมายจะทำให้น้ำละเหยออกได้ยาก ฉะนั้นจึงควรใช้งานคู่กันกับปลอกหมอนกันน้ำจะดีที่สุด
3.หมอนน้ำ
เป็นหมอนที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยหรือผู้ที่ได้รับการบำบัดเป็นอย่างยิ่ง เพราะน้ำที่อยู่ภายในจะปรับเปลี่ยนไปตามสรีระของผู้ใช้งาน ข้อดี คือ สามารถระบายความร้อยได้ดี ปรับเปลี่ยนไปตามท่งท่าการนอน แต่ ข้อเสีย คือ ยากต่อการขนย้าย และการรักษาต้องดูแลเป็นพิเศษ เพราะหากเกิดการรั่วซึมของน้ำแม้นิดหน่อยก็อาจทำให้ต้องยุติการใช้งานได้เลย
4.หมอนอัดลม
หมอนประเภทนี้ถูกออกแบบมาเพื่อปกปิดข้อเสียของหมอนน้ำ เพราะสามารถเคลื่อนย้ายได้ง่ายกว่า แต่เรื่อการรั่วซึมก็ยังคงน่าห่วงเช่นกัน
5.หมอนเจลเย็น
เป็นหมอนนวัตกรรมใหม่ที่กำลังได้รับความนิยม เนื่องจากเป็นหมอนที่สามารถให้ความเย็นที่หนังศีรษะได้เป็นอย่างดีด้วยเจลความเย็น และยังระบายความอัดชื้นระหว่างผิวสัมผัสได้ดีอีกด้วย เหมาะสำหรับผู้ที่ปวดเมื่อยคอและมีปัญหาเรื่องไมเกรน เพราะจะช่วยให้หลับง่าย หลับลึกกว่าเดิม
6.หมอนธัญพืช หรือ หมอนรักโลก
เป็นหมอนที่จะบรรจุเศษธัญพืชที่ได้รับการทำความสะอาดอย่างดีไว้ภายใน ข้อดี คือ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และให้ความรู้สึกใหม่กับการนอน แต่ ข้อเสีย ต้องระวังเรื่องแมลงและสัตว์ขนาดเล็กให้มาก เพราะมีโอกาสที่จะกลายเป็นแหล่งอาศัยหรือแหล่งอาหาร จึงทำให้หมอนชนิดนี้ยังไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร
7.หมอนขนสัตว์
เป็นหมอนที่มีมาอย่างยาวนาน และขึ้นว่าเป็นหมอนที่ดีที่สุด มีเลือกหลายระดับราคาขึ้นอยู่กับขนสัตว์ที่เลือกใช้ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นขนจากเป็ดขนห่าน เพราะให้น้ำหนักที่ดีและระบายอากาศได้เป็นอย่างดี พร้อมทั้งรองรับศีรษะทุกรูปแบบ หมอนชนิดนี้จึงได้รับความนิยมมาอย่างยาวนานมากที่สุด
และทั้งหมดนี่คือหมอนแต่ละชนิดที่ทุกท่านควรเลือกใช้เพื่อตอบสนองความต้องการส่วนตัว เพราะทุกปัญหาสุขภาพมักมีจุดเริ่มต้นมาจากการนอนหลับที่ไม่เพียงพอ ฉะนั้น จงเลือกหมอนที่เหมาะกับการนอนของคุณ เพื่อให้ทุกการตื่นเต็มไปด้วยความสดชื่นสดใสและพร้อมเผชิญหน้าทุกความท้าทายใหม่ๆในแต่ละวัน